25 ที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาว ความสวยงามแห่งรอยต่อฤดูกาล

25 ที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาว ความสวยงามแห่งรอยต่อฤดูกาล

  • facebook share
  • e-mail share

  เที่ยวปลายฝนต้นหนาว สัมผัสความสวยงามของธรรมชาติสวย รอยต่อแห่งฤดูกาลที่แสนมีเสน่ห์ กลิ่นฝนจาง ๆ เคล้าอากาศเย็น ๆ ช่างเป็นบรรยากาศการท่องเที่ยวที่ดีจริง ๆ 


         ปลายฝนต้นหนาวเที่ยวไหนดี ? คำถามยอดฮิตเมื่อสายฝนเริ่มจางหาย ความหนาวเย็นกำลังคืบคลานเข้ามาเยือน เพราะช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่อากาศกำลังดี ขุนเขาและป่าไม้มีความเขียวชอุ่ม การได้ออกเดินทางท่องเที่ยวไปสัมผัสกับความงามเหล่านี้เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมพักผ่อนช่วงปลายปีของหลาย ๆ คน กระปุกดอทคอมเคยรวบรวมเอาที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาว "อากาศดี ๆ สัมผัสเสน่ห์ที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาวหลากสไตล์"  และ "ตะลุย 10 ที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาว สูดไอดิน เคล้ากลิ่นฝนจาง ๆ" มาแนะนำกันแล้ว คราวนี้ขอหยิบเอาสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะจะไปเที่ยวในช่วงปลายฝนต้นหนาวมาบอกเก้าเล่าสิบกันอีกสักครั้ง ไปดูสิว่าอยู่ในลิสต์รายชื่อที่เพื่อน ๆ เลือกกันไว้หรือเปล่า โดยเริ่มที่...

1. บ้านแม่กลางหลวง จังหวัดเชียงใหม่ 

ภาพจาก เฟซบุ๊ก บ้านพัก แม่กลางหลวงวิว 

ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ของชาวปกาเกอะญอ ตั้งอยู่ในหุบเขาขั้นบันไดบริเวณลุ่มน้ำแม่กลางบนดอยอินทนนท์ และถือเป็นที่เที่ยวไฮไลท์เด็ดช่วงปลายฝนต้นหนาว โดยประมาณช่วงเดือนกันยายน-กลางตุลาคม นักท่องเที่ยวจะได้เห็นภาพของนาข้าวที่เขียวขจี เป็นภาพที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง พลาดไม่ได้กับกิจกรรมท่องเที่ยวอย่างการเรียนรู้การดำรงชีวิตของชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็น การทอผ้า การทำการเกษตร แถมยังมีที่พักไว้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย นอนค้างสักคืนสองคืน ก็ถือเป็นการชาร์จพลังชีวิตได้ดีเลยทีเดียว 

2. บ้านป่าบงเปียง จังหวัดเชียงใหม่ 


ตั้งอยู่ที่อำเภอแม่แจ่ม ที่นี่เป็นชุมชนชาวเขาเล็ก ๆ ที่อยู่ท่ามกลางหุบเขาสูงใกล้กับเทือกเขาถนนธงชัยหรือดอยอินทนนท์ โดดเด่นด้วยวิวของนาข้าวขั้นบันไดกว้างใหญ่ แปลงข้าวเล็ก ๆ ตั้งสลับซับซ้อนลดหลั่นกันลงมาตามแนวเชิงเขา และเป็นประจำของช่วงปลายฝนต้นหนาว เราจะได้เห็นความเขียวขจีของทั้งนาข้าวและภูเขาโดยรอบ บรรยากาศเงียบสงบ อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี แถมยังมีที่พักหลักร้อย วิวหลักล้านให้ได้มาพักผ่อนหลบความวุ่นวายในเมืองใหญ่กันแบบชิล ๆ อีกด้วย

3. สังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี 


    อำเภอเล็ก ๆ กลางหุบเขาที่เต็มไปด้วยความงดงามของธรรมชาติ และเรื่องราววัฒนธรรมที่น่าหลงใหลของชาวไทย-มอญ พลาดไม่ได้กับการเที่ยวชมสะพานมอญ แลนด์มาร์กสำคัญของการมาเที่ยวสังขละ ท่ามกลางวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและมีเสน่ห์ของชาวบ้าน นอกจากนี้ยังมีที่เที่ยวอีกมากมาย เช่น เมืองบาดาล, วัดวังก์วิเวการาม, ถนนคนเดินสังขละบุรี และน้ำตกนพพิบูลย์ เป็นต้น เหล่านี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่จะทำให้คุณต้องหลงใหลสังขละบุรีขึ้นอีกเท่าตัว 

4. บ้านแม่แมะ จังหวัดเชียงใหม่ 


         ตั้งอยู่ที่ตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดาว หมู่บ้านเล็ก ๆ กลางป่าใหญ่ ที่รายล้อมด้วยธรรมชาติที่สมบูรณ์ และแฝงไว้ด้วยวิถีชีวิตแสนเรียบง่าย รวมถึงการมาเยือน "บ้านต้นไม้" ที่พักบนต้นไม้สุดเท่ สร้างด้วยวัสดุธรรมชาติ และซ่อนตัวอยู่ในป่าเขา ล้อมรอบด้วยต้นไม้นานาพรรณ อากาศเย็นสบาย เงียบสงบมาก ๆ และคุณยังจะได้กินอาหารพื้นเมืองอร่อย ๆ นักท่องเที่ยวคนไหนที่อยากนอนชิล ๆ เข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก Tree House Hideaway บ้านต้นไม้แม่แมะ 


5. บ้านนาเลาใหม่ ดอยหลวงเชียงดาว 


         หมู่บ้านที่เป็นจุดชมวิวดอยหลวงเชียงดาว ที่นี่คุณจะได้สัมผัสธรรมชาติแห่งขุนเขา วิถีชีวิตชนเผ่าลีซอ ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวที่นี่ มักนอนพักที่พักโฮมสเตย์ ซึ่งมีให้บริการอยู่หลายที่ ได้แก่ บ้านระเบียงดาว, บ้านสายหมอก และบ้านลีซู โฮมสเตย์ เป็นต้น มีลักษณะเป็นโฮมสเตย์ที่สร้างขึ้นมาอย่างง่าย ๆ มองออกไปเบื้องหน้า จะเห็นดอยหลวงเชียงดาว ยิ่งถ้าวันไหนอากาศดี นักท่องเที่ยวอาจจะได้เห็นความยิ่งใหญ่ของดอยหลวงเชียงดาวแบบพาโนรามาได้เลยทีเดียว 

6. เจ็ดคต จังหวัดสระบุรี

         ตั้งอยู่ที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติใกล้กรุงเทพฯ ที่แวดล้อมด้วยธรรมชาติที่สวยงาม เงียบสงบ และอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพรรณไม้และสัตว์ป่าน้อยใหญ่นานาชนิด ภายในพื้นที่มี "อ่างเก็บน้ำซับป่าว่าน" อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่พื้นผิวของน้ำเป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนให้เห็นวิวธรรมชาติโดยรอบ และมีพื้นที่สำหรับกางเต็นท์และบ้านพักเอาไว้บริการนักท่องเที่ยว ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีโอกาสสัมผัสความสมบูรณ์ของธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิดนั่นเอง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศเจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า โทรศัพท์ 089 237 8659, 085 968 3520 และ 080 019 2762

7. หมู่บ้านห้วยห้อม จังหวัดแม่ฮ่องสอน


 ตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยห้อม อำเภอแม่ลาน้อย เป็นหมู่บ้านที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา เป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในเรื่องกาแฟและผ้าทอขนแกะ นอกจากจะได้สัมผัสธรรมชาติที่สวยงามแล้ว ที่นี่นักท่องเที่ยวยังจะได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ได้ลองกินอาหารพื้นเมือง ได้เดินเล่นชมนาข้าวขั้นบันไดหลังบ้าน เดินเที่ยวชมไร่กาแฟที่มีคุณภาพสูงจนได้ส่งไปขายยังร้านกาแฟชื่อดังระดับโลก และชมการทอผ้าขนแกะ ซึ่งมีเพียงแห่งเดียวในเมืองไทย นับเป็นหนึ่งในที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาวดี ๆ ที่เราอยากแนะนำ 

8. อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง จังหวัดสุพรรณบุรี 


ตั้งอยู่ภายในอำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี เกิดจากความร่วมมือของชุมชนที่ร่วมกันพัฒนาและดูแลพื้นที่ป่าของหมู่บ้าน ที่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้ทุกคนได้เข้ามาพักผ่อนและทำกิจกรรมท่องเที่ยวต่าง ๆ เหมาะสำหรับการพักผ่อนสูดอากาศบริสุทธิ์ มีลานกางเต็นท์ไว้สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการใกล้ชิดกับธรรมชาติ โดยปกติปางอุ๋ง สุพรรณบุรี จะเปิดตั้งแต่ช่วงปลายปีประมาณเดือนสิงหาคม ไปจนถึงช่วงสิ้นเดือนมีนาคมของทุกปี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก อ่างเก็บน้ำเขาวง - ชุมชนพุน้ำร้อน สุพรรณบุรี

9. ม่อนแจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ 





   ตั้งอยู่ในอำเภอแม่ริม  เป็นส่วนหนึ่งของโครงการหลวงหนองหอย ที่นี่ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ส่วนใหญ่มักนิยมเดินทางมาเที่ยวช่วงปลายฝนต้นหนาว เพราะคุณจะได้ชื่นชมกับวิวของทะเลหมอกสวย ๆ ท่ามกลางป่าเขาที่เขียวขจี อากาศเย็นสบายกำลังดี แถมจำนวนนักท่องเที่ยวก็ไม่เยอะมากเมื่อเทียบกับช่วงไฮซีซั่นแน่นอน 

10. บ้านนาต้นจั่น จังหวัดสุโขทัย
ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย แหล่งท่องเที่ยวเชิงชุมชน ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับธรรมชาติแบบครบวงจร ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะเลือกนอนพักโฮมสเตย์ของชาวบ้าน เพื่อร่วมเรียนรู้และทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน หรือจะปั่นจักรยานชมวิถีชุมชนในหมู่บ้าน ชมสวนผลไม้และท้องทุ่ง ตลอดสองข้างทางเป็นไร่นาเขียวขจี ก็ได้บรรยากาศการพักผ่อนชิล ๆ ไปอีกแบบ

11. ภูบักได จังหวัดเลย


 อยู่ในความดูแลของชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนปลาบ่า จุดไฮไลท์ของภูบักไดที่ไม่ว่าใครก็ไม่ควรพลาดคือ "ผาหลอกลวง" หรือ "ผาห้อยขา" มีลักษณะเป็นหินแหลมยื่นออกมา นักท่องเที่ยวสามารถไปยืนและห้อยโหนตัวได้ เพราะมีความสูงไม่มาก (แต่ก็ต้องไม่ประมาทเกินไปด้วยนะคะ) เราจะเห็นนักท่องเที่ยวหลายคนเลือกถ่ายรูปเก๋ ๆ กันที่มุมนี้อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งยังเป็นจุดชมวิวทะเลหมอกสวย ๆ ที่ลอยละล่องบาง ๆ ให้เราได้ฟินกันอีกด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ที่ว่าการชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนตำบลปลาบ่า โทรศัพท์ 087 866 2648, 095 701 3139

12. เขาออง จังหวัดชุมพร
 ตั้งอยู่ที่อำเภอหลังสวน ที่นี่เป็นทั้งจุดชมวิวและจุดชมทะเลหมอกสวย ๆ ที่ได้รับความนิยมเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวสามารถนอนกางเต็นท์ สัมผัสอากาศเย็น ๆ นอนชมดาวสวย ๆ บนยอดเขาออง พร้อมกับตื่นเช้าชมบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นที่สาดส่องตกกระทบบนผืนหมอก หากแต่นักท่องเที่ยวไม่สามารถนำรถส่วนตัวขึ้นไปได้ สามารถนั่งรถมอเตอร์ไซค์ของชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งบางวันมีบริการรับ-ส่ง เพื่อขึ้นมายังจุดชมวิวดังกล่าวได้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานชุมพร โทรศัพท์ 077 502775-6

13. กิ่วแม่ปาน จังหวัดเชียงใหม่
ภาพจาก photobyphotoboy / shutterstock.com

 ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ บริเวณกิโลเมตรที่ 42 ของถนนสายจอมทอง-ยอดดอยอินทนนท์ ใกล้กับพระมหาธาตุนภเมทนีดลและพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ เป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้เรียนรู้ระบบนิเวศทางธรรมชาติที่หลากหลาย พลาดไม่ได้กับจุดเช็กอินอย่าง "จุดชมวิวกิ่วแม่ปาน" ชื่นชมกับความสวยงามของทะเลหมอก และยังเห็นตัวเมืองเชียงใหม่ในมุมสูงได้อย่างชัดเจน 

14. พะเนินทุ่ง จังหวัดเพชรบุรี
 ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เป็นจุดชมทะเลหมอกที่สวยงาม สามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี แม้จะเป็นในช่วงฤดูร้อนก็ตาม ในยามเช้าจะมองเห็นทะเลหมอกสีขาวปกคลุมทั่วหุบเขา เมื่อทะเลหมอกสลายตัวไป ท่ามกลางผืนป่าดงดิบเบื้องล่าง โดยจุดชมทะเลหมอกยอดนิยมมีอยู่ด้วยกัน 2 จุด คือ จุดชมวิวกิโลเมตรที่ 30 และ 36 ใครลองได้ยลทะเลหมอกที่นี่ เป็นต้องประทับใจไม่รู้ลืม 

15. ภูชี้เดือน จังหวัดเชียงราย 

ภาพจาก เฟซบุ๊ก ที่ว่าการอำเภอเวียงแก่น 

ภูชี้เดือน ว่ากันว่าเป็นแฝดน้องคนที่สามของภูชี้ดาวและภูชี้ฟ้า ตั้งอยู่ในตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น เป็นอีกหนึ่งสถานที่ไว้สำหรับชมวิวทะเลหมอก และสัมผัสอากาศหนาวเย็นแบบ 360 องศา และยังเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกดินอีกด้วย และที่สำคัญ…นักท่องเที่ยวสามารถเดินเท้าจากภูชี้ดาวมายังภูชี้เดือนได้ในไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น โดยภูชี้เดือนมีลักษณะเป็นยอดปลายดอยยื่นออกไป และมีลานด้านสันปลายดอยกว้าง โดยเปิดให้มีการท่องเที่ยวเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2559 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ที่ว่าการอำเภอเวียงแก่น โทรศัพท์ 053 608 219

16. เขาหลวง จังหวัดสุโขทัย


ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติรามคำแหง เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวสายรักการผจญภัย เพราะคุณจะต้องเดินเท้าพิชิตเส้นทางบนเขาหลวงด้วยระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร และสามารถเดินขึ้นได้เองโดยไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่ ด้วยเพราะเส้นทางเดินค่อนข้างชัดเจน และมีป้ายบอกอยู่แทบทุกจุด แต่สำหรับนักท่องเที่ยวคนไหนที่อยากชื่นชมทะเลหมอกสวย ๆ แนะนำให้มาช่วงหน้าฝน (ประมาณเดือนสิงหาคม-ตุลาคม) หรือไม่ก็เป็นช่วงหน้าหนาว (ประมาณเดือนพฤศจิกายน-มกราคม) คุณจะเห็นละอองหมอกลอยหยอกล้อทิวเขา ที่ไม่ว่าใครได้เห็นเป็นต้องลืมไม่ลง (สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติรามคำแหง โทรศัพท์ 087313 7897

17. เขาหล่น จังหวัดนครนายก 
 อยู่ในความดูแลขององค์การบริหารส่วนตำบลสาริกา และการท่องเที่ยวจังหวัดนครนายก ที่นี่มี "จุดชมวิวเขาหล่น" หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ความสวยงามของที่นี่อยู่ที่โลเคชั่นหลากหลายมุมให้เราเลือกกดชัตเตอร์ ทั้งดงดอกหญ้า หน้าผาหินสวย ๆ ที่รับรองเลยว่าคุ้มค่ากับการขับรถมาเที่ยวจริง ๆ  สำหรับใครก็ตามที่ขึ้นไปเที่ยวเขาหล่นที่นี่มีพื้นที่จอดรถไว้บริการ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถนำรถขึ้นไปจอดได้โดยสะดวก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ องค์การบริการส่วนตำบลสาริกา โทรศัพท์ 037 616 301-2

18. เขาสันหนอกวัว จังหวัดกาญจนบุรี


ยอดเขาที่สูงที่สุดภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ยอดบนสุดของเขาสันหนอกวัวจะสามารถมองเห็นวิวของทะเลหมอกได้อย่างสวยงามอลังการสุด ๆ โดยเฉพาะในช่วงปลายฝนต้นหนาวและช่วงหน้าหนาว จะมีทะเลหมอกให้ได้ยลโฉมกันเกือบทุกวัน และด้วยความที่ยอดเขาสันหนอกวัวมีลักษณะเปิดโล่ง จึงทำให้สามารถมองเห็นวิวของแนวเทือกเขาโดยรอบ ทะเลสาบของเขื่อนวชิราลงกรณ รวมทั้งเขาโล้นหรือเขาเรดาร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ของกองทัพอากาศ สังกัดกระทรวงกลาโหม ได้อีกด้วย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม โทรศัพท์ 034 510 431, 089 228 7612

19. น้ำตกปิตุ๊โกร จังหวัดตาก

 น้ำตกที่สูงที่สุดในเมืองไทย ซ่อนตัวอยู่ในป่าดิบแห่งเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ไฮไลท์อยู่ที่ชั้นน้ำตกที่ไหลมารวมกันจากซ้ายและขวาเป็นรูปตัววี จนเกิดม่านสีขาวมองดูคล้ายรูปหัวใจ จนถูกขนานนามว่า "น้ำตกรูปหัวใจ" สำหรับการเดินทางมาเที่ยวน้ำตกปิตุ๊โกรในช่วงหน้าฝน อาจจะค่อนข้างสมบุกสมบันอยู่เสียหน่อย เพราะนักท่องเที่ยวจะต้องพักค้างคืนในป่า และต้องเดินเท้าลัดเลาะไปตามเทือกเขาและลำธาร โดยระหว่างทางนักท่องเที่ยวจะได้ดื่มด่ำกับธรรมชาติอันสวยงามไปจนถึงน้ำตกปิตุ๊โกร สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง โทรศัพท์ 055 577 318

20. น้ำตกสายรุ้งละอองดาว จังหวัดระนอง



  ตั้งอยู่ในตำบลบ้านนา อำเภอกะเปอร์ ที่มาของชื่อ "น้ำตกสายรุ้งละอองดาว" มาจากทุกครั้งที่สายน้ำตกไหลลงมากระทบกับก้อนหินเป็นฝอย ๆ เมื่อโดนแสงแดด จะเกิดเป็นรุ้งกินน้ำที่สวยงาม ขอแนะนำให้ไปเที่ยวในช่วงเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม ว่ากันว่าเป็นช่วงที่น้ำตกมีความสวยงามมากที่สุด ด้วยเพราะตัวน้ำตกอยู่ในป่าลึก นักท่องเที่ยวจำเป็นที่จะต้องนอนค้างคืนในป่า และเพื่อความปลอดภัย นักท่องเที่ยวควรติดต่อแจ้งรายชื่อแก่เจ้าหน้าที่ให้เรียบร้อย เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือเลยกำหนดเวลาที่จะต้องออกมา เจ้าหน้าที่จะได้ประสานงานเข้าช่วยเหลือได้ทัน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานชุมพร โทรศัพท์ 077 501 831, 077 502 775-6

21. สถานีพัฒนาเกษตรที่สูง ตามแนวพระราชดำริ บ้านสะจุก-สะเกี้ยง จังหวัดน่าน 

ตั้งอยู่ในพื้นที่ดอยขุนน่าน ตำบลขุนน่าน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ เป็นหนึ่งในโครงการอันเกิดจากแนวพระราชดำริที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เข้ามาช่วยเหลือและส่งเสริมการทำเกษตร ช่วยให้ชาวบ้านมีความเป็นอยู่ที่ดี ส่งผลให้มีรายได้และสามารถหาเลี้ยงครอบครัวได้อย่างสบาย ภายในโครงการนักท่องเที่ยวจะได้เที่ยวชมพืชผักเมืองหนาว แวะชมแปลงทดลองปลูกสตรอว์เบอร์รีพันธุ์ 80 แถมยังมีมัลเบอร์รีให้นักท่องเที่ยวได้เก็บ (ช่วงประมาณปลายเดือนตุลาคม) นอกจากนี้ยังสามารถเดินชมแปลงผักปลอดสารพิษ ถั่วลันเตา มะเขือเทศราชินี กะหล่ำหัวใจ รวมถึงที่พักในไร่ชาที่อิงแอบแนบชิดธรรมชาติแบบฟิน ๆ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริ บ้านสะจุก-สะเกี้ยง โทรศัพท์ 084 818 1008

22. อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก

   ตั้งอยู่บนรอยต่อสามจังหวัด คือ พื้นที่อำเภอด่านซ้าย ของจังหวัดเลย พื้นที่อำเภอนครไทย ของจังหวัดพิษณุโลก และพื้นที่อำเภอหล่มสัก ของจังหวัดเพชรบูรณ์ ประกอบไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่งดงามอลังการต่าง ๆ เช่น ลานหินแตก, ลานหินปุ่ม และผาชูธง เป็นต้น ท่ามกลางความสวยงามของธรรมชาติ จึงทำให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาวที่น่าสนใจที่สุดอีกแห่งหนึ่ง

23. ปิล๊อก จังหวัดกาญจนบุรี


หมู่บ้านเล็ก ๆ ในหุบเขาที่จังหวัดกาญจนบุรี พลาดไม่ได้กับการเที่ยวชมหมู่บ้านเล็ก ๆ ติดชายแดนชื่อว่า "อีต่อง" ในอดีตหมู่บ้านนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งศูนย์รวมความเจริญต่าง ๆ หากแต่ในวันนี้คงเหลือไว้แต่กลิ่นอายของอดีตที่ยังคงติดค้างหลงเหลือตามอาคารบ้านเรือนหลังเก่า ๆ ที่ถูกปรับเปลี่ยนเป็นร้านค้าและที่พัก รวมถึงการเที่ยวชม "เนินช้างศึก" หรือ "ฐานช้างศึก" จุดชมวิวให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความสวยงามของพระอาทิตย์ขึ้นและตกดินสวยที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรีอีกด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ โทรศัพท์ 081 382 0359, 034 532 114

24. อำเภอปัว จังหวัดน่าน

แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและธรรมชาติที่งดงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงปลายฝนต้นหนาว นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับอากาศเย็นสบาย ท่ามกลางวิถีชุมชนที่เรียบง่าย นอกจากนี้ยังมีที่พักแบบโฮมสเตย์ราคาไม่แพงอยู่หลายแห่ง นักท่องเที่ยวจะได้เห็นวิถีชีวิตของท้องไร่ท้องนาได้อย่างใกล้ชิด การเดินทางก็ทำได้สะดวก ใครที่ชอบและรักธรรมชาติเป็นทุนเดิม อย่าลืมมาเก็บเกี่ยวบรรยากาศแบบนี้กันให้ได้นะคะ 

25. บ้านทุ่งเพล จังหวัดจันทบุรี 


ทุ่งเพล เป็นหมู่บ้านหนึ่งในตำบลฉมัน อำเภอมะขาม ชุมชนเล็ก ๆ ที่ยังคงไว้ซึ่งวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนและธรรมชาติได้อย่างน่าสนใจ กิจกรรมท่องเที่ยวที่น่าสนใจคือการเที่ยวชมสวนผลไม้กลางหุบเขา ชมวิถีชีวิตชาวสวน ท่ามกลางอากาศที่แสนบริสุทธิ์ โดยเน้นในลักษณะการท่องเที่ยวเชิงนิเวศระหว่างนักท่องเที่ยว คนในชุมชน และผืนป่า รวมถึงยังมีที่พักโฮมสเตย์ในบรรยากาศสบาย ๆ ให้คุณได้พักผ่อนได้อย่างเต็มที่ 

เหล่านี้เป็นลิสต์ที่เที่ยวปลายฝนต้นหนาวสวย ๆ ที่เราอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ลองไปเที่ยวกันดูค่ะ เพราะช่วงรอยต่อฤดูกาลธรรมชาติสวย ๆ แบบนี้ ใช่ว่าจะมาเยือนให้เราได้เห็นกันบ่อย ๆ รีบมองหาวันหยุดแล้วลางานมาเที่ยวกันนะคะ ^ ^

หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง ข้อมูล ณ วันที่ 12 กันยายน 2560

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
เฟซบุ๊ก บ้านพัก แม่กลางหลวงวิว, เฟซบุ๊ก Tree House Hideaway บ้านต้นไม้แม่แมะเฟซบุ๊ก อ่างเก็บน้ำเขาวง - ชุมชนพุน้ำร้อน สุพรรณบุรีเฟซบุ๊ก โฮมสเตย์บ้านสวนริมน้ำ, thai.tourismthailand.org www.kapook.com